ผจญภัย Adventure หนังดราม่า Drama

The Quake มหาวิบัติวันถล่มโลก

The Quake มหาวิบัติวันถล่มโลก

โดยภาพยนตร์หยิบยกเอาภัยแผ่นดินไหวที่เกิดจากรอยแยกบนเปลือกโลกที่อยู่ใต้กรุงออสโล เมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์  เมืองที่อัดแน่นไปด้วยประชากรจำนวนมากกว่า 6 แสนคน ซึ่งในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวขึ้นกับเมืองนี้ในช่วงปี 1904  มีความแรงระดับ 5.4 กว้าง 8 แสนตารางกิโลเมตร และมีอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 18 ครั้ง แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายร้อยปีแล้วก็ตาม เหล่านักธรณีวิทยาก็ไม่อาจสรุปได้ว่าแผ่นดินไหวจะไม่เกิดขึ้นในบริเวณนี้อีก หรือว่าแผ่นดินไหวครั้งนั้นจะเป็นเพียงสัญญาณของคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังบ่มเพาะตัวเองอยู่ใต้ผืนพิภพเป็นเวลากว่าร้อยปีเพื่อรอการปะทุขึ้นอีกครั้ง

ผู้กำกับ : John Andreas Anderson (ที่เคยทำเรื่อง King of Devil’s Island)

นักแสดงนำ : Kristoffer Joner (ที่เล่นเรื่อง Revenant(ตัวประกอบ), MI fallout)

 ซีจีตอนเกิดแผ่นดินไหวท้ายเรื่องโคตรสมจริง พื้นดินนี่ยกขึ้นมาเป็นคลื่นๆ ถนนถะเหนินรางรถไฟบิดงอ ตึกพังระเนระนาด แต่เสียดายที่โชว์อยู่รวมทั้งเรื่องแค่ 15-20 วิเท่านั้นเอง ช่วงท้ายจะมีตึกทรุดที่ค้างเติ่งตั้งอยู่นิ่งๆ พอสะเทือนทีแต่ละชั้นก็เริ่มเอียงเริ่มแยกตัว เห็นแล้วสุดติ่งมาก นึกว่ากำลังดู Transformers อยู่

ฉากพ่อช่วยลูกตอนท้ายเรื่องพีคใช้ได้เลย อยู่กันบนตึกที่เอียงกะเท่เล่ชั้นบนห้อยต่องแต่ง 10 นาทีเต็ม ต้องคอยรีบหาที่ยึดทุกองศาที่เอียงลง ต้องเสียวไส้บนแผ่นกระจกร้าว ถ่ายทำได้ลุ้นสุดทีนจริง แต่ก็รอเป็นชั่วโมงกว่าจะได้เห็น

ดำเนินเรื่องช้าเอาเรื่อง ไม่มีลูกเล่นแปลกใหม่ เดาได้ง่ายเป็นฉากๆ แผ่นดินไหวมาแบบงงๆ ไม่ค่อยๆปล่อยจุดสังเกตุแบบ The Wave ภาคแรก

บทคาแรกเตอร์ตัวเอก หนังทำออกมาได้เสียของนักแสดงมาก เรื่องอื่นเห็นแกเล่นดีนะ แต่มาเรื่องนี้แทบจะหมดมาดนักธรณีวิทยาไปเลย ดูไม่ได้ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์ ไม่หาอะไรมายืนยันให้น่าเชื่อเลย พูดอะไรก็ลอยๆ คุณต้องเชื่อผมนะๆๆ

หนังไม่รู้จักหาข้อมูลเรื่องแผ่นดินไหวมาประกอบให้ดูน่าเชื่อถือ เลยทำให้การผูกปมของมันไม่น่าคล้อยตาม

การกระทำของตัวละครไม่ค่อยฉลาด /ไม่เหมาะกับสถานการณ์ จุดที่กำลังหน้าสิ่วหน้าขวาน กลับทำพลาดเสียเรื่องง่ายๆ แบบไม่น่าให้อภัย และคนพ่อนะลูกอุตส่าห์แวะมาหาตั้งไกล มาอยู่วันเดียวดันบอกว่ากลับไปได้มั้ย พ่อจะอยู่คนเดียว

หลังเกิดเหตุบางคนในครอบครัวพระเอกหายไปเฉยๆ ไม่ได้มาเจอกันด้วย และลืมพูดถึงไปจนจบเรื่อง และอีกหลายอย่างที่ผูกปมไว้แล้วไม่ยอมมาแก้

บทพูดแทบจะทุกตัวละครดูจืดจาง และ Simple มาก เหมือนคนแต่งประโยคได้ TOEIC 200 เฮ้ หวัดดี – เอ่อ หวัดดีครับ / ฉันมีอะไรให้ดู – โอเค / เอากาแฟมั้ย – เอ่อ ก็ถ้าคุณมี / ทำไมคุณถึงไม่ไป – ผมขอโทษ ผมเสียใจ 555 จะมีจุดที่ประโยคเริ่มดีขึ้นก็ช่วงคลายปมท้ายเรื่องโน่นเลย แต่ก็ยังแหม่งๆ อยู่ดี

พากย์ไทยเกรดเหมือนละครหลังข่าว (หาโรงซาวด์ไม่ได้) ตรงพูดธรรมดายังพอไหว แต่เสียงร้องนี่โคตรเฟคจนหมดอารมณ์ ยิ่งเสียงตอนพระเอกอ้ำอึ้ง น่ารำคาญมาก ถามอะไรก็ตอบแบบ อ่ะเห้อ-เอ่อ อ่า ผมว่า.. ดูไปก็หงุดหงิดไป 555

โดยรวมเอาไป 5/10 พอแล้วกัน มันก็เป็นหนังดูได้เพลินๆฆ่าเวลา มีซีจีสวยๆให้ดูบ้าง ฉากพ่อช่วยลูกช่วงท้ายทำได้โคตรลุ้น ถือว่าพอถูพอไถในความเป็นหนังแนวภัยพิบัติตามสูตร

แต่ตัวหนังก็เต็มไปด้วยช่องโหว่มากมาย บทขาดๆเกินๆ ดำเนินเรื่องช้าวนๆอยู่ที่เดิม ไม่มีข้อมูลอ้างอิงแผ่นดินไหวที่น่าคล้อยตาม คาแรกเตอร์ตัวละครดรอปจากภาคแรก(ที่น้อยอยู่แล้ว)ลงอย่างน่าใจหาย ตัวละครดูจะทำอะไรชวนส่ายหัวตลอดเวลา พากย์ไทยเหมือนละครหลังข่าว ใครดูซาวด์ตลอดแบบแอดจะรู้ถึงความเซง บางจุดหนังวางปมไว้แล้วก็ตัดทิ้ง ลืมพูดถึงซะอย่างนั้น คาดว่าหนังคงใช้ทุนกับซีจีไปหมดแล้ว ด้วยทุนสร้างที่ไม่สูงอะไร