ภาพยนต์แอคชั่นสุดระทึกขวัญของลุงวัยดึกที่เต็มไปด้วยหัวใจสุดแกร่ง และพร้อมบู๊ระห่ำ ในที่สุดเขากลับมาอีกครั้งเพื่อสะสางและล้างแค้นและทวงคืนความยุติธรรม เราได้ดูอีกหนึ่งแอคชั่นไล่ล่ายี่ห้อ “เลียม นีสัน” อีกเรื่อง ที่ยังคงเสิร์ฟส่งต่อให้แฟนๆ ได้ดูชมกันอย่างไม่ขาดสาย แม้ว่าจังหวะและท่วงทำนองต่างๆ ในหนังประเภทของเขาจะค่อนข้างซ้ำซากแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า “The Marksman คนระห่ำ พันธุ์ระอุ” ยังจัดว่าเป็นหนังที่ดูได้บันเทิงอยู่

The Marksman เป็นเรื่องราวของ จิม แฮนสัน เจ้าของฟาร์มชาวแอริโซนา ผู้แข็งกร้าวที่ต้องการอยู่คนเดียวไม่ยุ่งกับใคร โดยหลีกหนีประกาศแจ้งขับไล่และพยายามหาเลี้ยงชีพบนพื้นที่พรมแดนห่างไกล แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเมื่อเขา ผู้เป็นอดีตนาวิกโยธินพบเห็นมิเกล เด็กผู้อพยพ วัย 11 ปี ที่กำลังหนีพร้อมกับโรซา แม่ของเขา จากการสังหารโดยแก๊งนักฆ่า ที่นำโดย เมาริซิโอ ผู้โหดเหี้ยม

หลังจากถูกจับได้ในเหตุลอบยิง โรซ่าได้รับบาดเจ็บและขอร้องให้จิมพาลูกชายไปส่งครอบครัวที่ชิคาโกอย่างปลอดภัย แม้ ซาราห์ ลูกเลี้ยงของจิมจะคัดค้าน แต่เขาก็แอบพามิเกลลัดลอดผ่านด่านศุลกากรและตระเวนชายแดนในพื้นที่ของสหรัฐฯ และพวกเขาก็ออกเดินทางไปโดยมีกลุ่มนักฆ่าตามไล่ล่า จิมและมิเกลก้าวข้ามความแตกต่างอย่างช้าๆ และเริ่มสร้างมิตรภาพที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในขณะที่เมาริซิโอและแก๊งนักฆ่าเลือดเย็นก็ตามติดพวกเขาไล่ล่าอย่างไม่ลดละ

คงต้องบอกว่า The Marksman เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ มอบอรรถรสความบันเทิงให้กับคนเป็นอย่างดี แต่หากพิจารณาไล่ไปเป็นจุดๆ ก็พบว่าตัวหนังยังคงเต็มไปด้วยปัญหาอยู่ตลอดทั้งเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องบทหนังที่เต็มไปด้วยความเชยและไร้มิติใดๆ ทำให้สุดท้ายก็กลายเป็นเพียงหนังไล่ล่าโร้ดทริปภารกิจแอคชั่นแบบเดิมๆ ที่เคยเห็นในหนังสไตล์นี้ เมื่อสัก 10-20 ปีที่แล้ว

นี่เป็นผลงานการกำกับของ “โรเบิร์ต ลอเรนซ์” เป็นงานทำหนังเรื่องที่ 2 ของเขาต่อจาก Trouble with the Curve โดยที่เขาเองก็มีประสบการณ์การทำหนังในฐานะผู้ช่วยผู้กำกับมาหลายปี เขายังร่วมเขียนบทหนังเรื่องนี้ด้วย แต่กลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ยังไม่มีอะไรที่สดใหม่หรือแปลกใหม่ใดๆ แต่พวกเขารู้จักวิธีที่จะเอาคนดูให้ตราตรึงอยู่บนหน้าจอให้อยู่หมัด