มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ประกบคู่ โรส เบิร์น ในภาพยนตร์ตลกฟีลกู๊ด Instant Family ครอบครัวปุ๊บปั๊บ เรื่องราวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากชีวิตจริงของผู้กำกับ ฌอน แอนเดอร์ส เมื่อคู่สามีภรรยา พีท (มาร์ค วอห์ลเบิร์ก)และเอลลี่ (โรส เบิร์น)ตัดสินใจเริ่มสร้างครอบครัว พวกเขาจึงเริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับการรับอุปการะบุตรบุญธรรม และได้พบกับ 3 พี่น้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เด็กสาวหัวรั้นวัย 15 ปี (อิซาเบล่า โมเนอร์) และพวกเขาก็กลายเป็นครอบครัวที่มีเด็ก 3 คน เพียงข้ามคืน ทั้งพีทและเอลลี่ ต้องเรียนรู้

เป็นพ่อแม่และสร้างครอบครัว
หนังเหมือนจะเพลินๆ เบาสมอง เน้นตลกพอประมาณ แต่กลับดราม่าเรียกน้ำตากว่าที่คิด แถมอัดแน่นไปด้วยเนื้อหาคุณภาพล้วนๆ กับความหมายของคำว่า “ครอบครัว”
เนื้อหาหนังเต็มไปด้วยจิตวิทยาเด็ก และครอบครัวแบบจัดเต็มมากๆ พอให้คนที่เป็นพ่อ-แม่ ตระหนักและเข้าใจลูกมากขึ้น เอาไปปรับใช้ในชีวิตได้นะดับนึงเลย

สองสามี-ภรรยา คู่หนึ่งที่ไม่มีลูก เกิดนึกอยากรับอุปการะเด็กสักคนด้วยความรู้สึกอยากให้ความรัก ความอบอุ่นแก่เด็กๆ ที่ไม่มีโอกาสได้มีครอบครัว แต่กลับต้องเจอเรื่องราวไม่คาดฝัน ว่าพวกเขาจะได้รับบุตรบุญธรรมถึง 3 คนในคราเดียว !!
คาแรคเตอร์ของเด็ก 3 คน คือครบสูตรมาก ทั้งเด็กเล็กขี้โวยวาย เอาแต่ใจ อีกคนนึงก็มึนๆ ซุ่มซ่าม แถมพี่คนโตก็เข้าสู่ช่วงวัยรุ่น วัยหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต ทำให้ปัญหาพุ่งเข้ามาใส่พ่อ-แม่แบบคนดูอย่างเราๆ ยังรู้สึกปวดหัวแทน

เรารู้สึกเสียดายในส่วนของจิตวิทยาที่ใส่มาแบบจัดเต็ม แต่กลับขยี้ไม่สุด คือดูแล้วเรารู้สึกว่านี่แหละต้นตอปัญหาของเด็ก แต่ละคนล้วนมีอดีตที่เจอมาแตกต่างกัน แต่หนังไม่ได้นำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาอะไรให้ เพียงแต่พอจะให้เราเข้าใจเด็กๆ มากขึ้นเท่านั้น ถ้าหนังความยาวสัก 2 ชั่วโมงครึ่ง อาจขยี้ตรงจุดนี้ได้เต็มเหนี่ยวมากกว่า แต่มันก็จะยาวเกินไปสำหรับหนังแนวนี้อีก
ขอพูดถึงเรื่องการแสดงหน่อย นอกจากเคมีที่เข้ากันของสองสามี-ภรรยาแล้ว อีกคนที่โดดเด่นมากที่สุดคือน้อง “อิซาเบล โมเนอร์” ในบทสาววัย 15 ปี “ลิซซี่” ซึ่งเธอเคยฝากฝีมือการแสดงมาแล้วใน Transformers ภาค 5 เชื่อว่าต่อจากนี้จะได้เห็นการแสดงของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากแน่นอน

#สรุป.. โดยรวมแล้วเป็นหนัง Feel Good ทั่วไป เนื้อเรื่องมันไม่ได้แปลกหรือสดใหม่มากนัก มุกตลกก็ถือว่าทำออกมาได้ตลกถูกจังหวะพอสมควร แต่ก็มีบางมุกที่ดูแล้วรู้สึกมันฝืนๆ เหมือนกัน ที่ไม่ธรรมดาคือเนื้อหาดราม่า และแง่คิดจากหนังที่มีมากพอสมควรด้วย
ทำใจลำบากมากเลยว่าจะให้ 8 หรือ 9 แต่เพื่อไม่ให้เราดูเป็นคนใจง่าย และปล่อยคะแนนเฟ้อไปมากกว่านี้ ยอมตัดใจให้แค่ 8 ละกันครับ