
การกลับมาอีกครั้งของเจ้าตุ๊กตาวินเทจแฝงพลังอาฆาตมาดร้าย หลังจากที่เคลมว่าภาคแรกประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี และเป็นหนังที่มีผู้คนกล่าวถึงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะฉากตอนจบที่หักมุมได้อย่างเป็นตำนาน แต่การกลับมาครั้งนี้ของบราห์มส์นั้น ความน่าสนใจกลับลดลงไปอย่างเห็นใจได้ โดยเฉพาะเรื่องความสดใหม่ ที่ไม่ต่างกับหนังสยองขวัญเก่าๆ เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว
“Brahms: The Boy 2” ได้ผู้กำกับคนเดิม “วิลเลียม เบรนท์ เบลล์” กลับมาสานต่อความสะพรึง และยังได้นักเขียนบทคนเดิมกลับมาด้วย โดยเล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่แล้วกับตัวละครใหม่ๆ ของพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่งที่ตัดสินใจย้ายออกจากเมือง มาอยู่บ้านแถบชานเมือง ในพื้นที่ใกล้กับคฤหาสน์ฮีลเชียร์ ลูกชายของพวกเขาที่ช็อกกับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อหน้า ทำให้เขากลายเป็นเด็กเก็บตัวเงียบ ไม่สุงสิงกับใคร และหยุดพูดไปกะทันหัน

การย้ายบ้านใหม่ครั้งนี้ พวกเขาหวังว่าจะเป็นการเยียวยาสภาพจิตใจและความสัมพันธ์ของครอบครัวให้ดีขึ้น แต่ทุกอย่างเริ่มเลวร้ายลง เมื่อลูกชายเก็บตุ๊กตาที่ถูกฝังดินเอาไว้มาเป็นเพื่อนเล่น ทำให้การผูกสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับตุ๊กตากลายเป็นอิทธิพลดำมืดที่เข้าครอบงำ ที่ทำให้สถานการณ์บ้านทั้งหลังเริ่มลุกเป็นไฟ เมื่อตุ๊กตากลายเป็นผู้ตั้งกฏของบ้าน ทำให้พวกเขาต้องหาวิธีแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ก่อนจะสายเกินไป
หนังเต็มไปด้วยปัญหารอยรั่วเต็มไปทั้งเรื่อง ไร้ความสมเหตุสมผล และเนื้อหาก็ยังดูเชยสะบัด เหมือนกับกำลังนั่งดูหนังสยองขวัญโทนเดิมๆ จากเมื่อสมัยปลายยุค 1990s หรือต้นยุค 2000s ที่ขาดมนต์ขลังและความสดใหม่ไปแล้วในปัจจุบัน เทียบอะไรไม่ได้กับหนังสยองขวัญยุคนี้ที่มักจะโดดเด่นเรื่องประเด็นและเนื้อหาที่หนักแน่นยิ่งขึ้น แต่ในหนังเรื่องนี้กลับไม่มี
หลายๆ ฉากที่ปรากฏให้เห็นอยู่หนัง ล้วนแต่เป็นฉากที่เคยเห็นมาก่อนแล้วทั้งนั้น และอีกจุดที่น่าเสียดายก็คือก็สานต่อเรื่องจากจากภาคแรก ที่ถูกหยิบนำมาใช้ได้อย่างไม่คุ้มค่า ทั้งที่เคยปูเรื่องเอาไว้ได้ค่อนข้างน่าสนใจ กับฉากจบที่กลายเป็นที่โจษจันในหมู่คนดูหนัง แต่กลับมาในภาคต่อนี้ก็กลายเป็นเพียงหนังตุ๊กตาผีครอบงำแบบบ้าๆ บอๆ ที่ไร้ความน่สนใจไปในพริบตา
ถึงแม้ว่าหนังจะมีความยาวไม่ถึง 90 นาที แต่กลับกลายเป็นว่าทำคนดูรู้สึกว่ายาวนานไป เพราะเนื้อเรื่องเชยๆ ที่ไม่ค่อยน่าสนใจ ที่มาพร้อมกับฉากจั้มพ์สแกร์ (Jump scare) แบบปลอมๆ ถูกใส่เข้ามาในลักษณะแบบอยากใส่ก็จะใส่ กลายเป็นว่าไม่ได้สร้างอาการตกใจให้กับคนดูไดเลย เพราะดูจะจับทางและจังหวะเฉิ่มๆ ของหนังได้แล้ว หนังยังมีความปลอมและประดิษฐ์อยู่ในหลายจุด แม้กระทั่งน้ำในแก้วที่นักแสดงดื่มก็ยังดูเป็นน้ำองุ่นมากกว่าไวน์แดง
“เคที โฮลมส์” ที่มาเป็นนักแสดงนำในหนังเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ช่วยภาพรวมของหนังเอาไว้ได้เลย น่าเสียดายทักษะของการแสดงของเธอ ที่ศักยภาพน่าจะเหมาะสมกับหนังที่ส่งพลังได้มากกว่านี้ แต่ด้วยพล็อตเชยๆ การนำเสนอแบบพื้นๆ ทำให้ไม่มีอะไรโดดเด่น กลายเป็นบทละครที่เป็นแม่มีอาการหลอนตามบทไป ไม่ได้ดูน่าเอาใจช่วย หรือน่าเห็นใจใดๆ
โดยสรุปแล้ว Brahms: The Boy 2 กลายเป็นหนังสยองขวัญที่ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แบบไม่เห็นคุณค่า ทิ้งขว้างบางประเด็นไปและนำเสนอภาพเดิมๆ ที่เคยเห็นมาจากหนังเรื่องอื่นๆ มาก่อนแล้ว พลอยทำให้ความน่ากลัวของตุ๊กตาบราห์มส์แทบไม่มีหลงเหลืออยู่เลย กลายเป็นหุ่นกระเบื้องนั่งทื่อๆ ที่ในเรื่องบอกว่ามีวิญญาณสิงอยู่ แต่กลับทำให้มันดูไร้จิตวิญญาณอย่างสิ้นเชิง